CONTACT US
Share: Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn I recommend visiting cushmanwakefield.com to read:%0A%0A {0} %0A%0A {1}

การประเมินมูลค่าทรัพย์สินโดยวิธีรายได้ (Income Approach)

Tatchada Supakornpichan • 14/11/2024

การประเมินมูลค่าทรัพย์สินเป็นกระบวนการสำคัญที่มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจลงทุน การจัดการทรัพย์สิน และการวางแผนทางการเงิน หนึ่งในวิธีการที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางคือ "วิธีรายได้" ซึ่งเป็นการประเมินมูลค่าทรัพย์สินโดยอิงจากรายได้ที่ทรัพย์สินนั้นสามารถสร้างขึ้นได้ในอนาคต วิธีพิจารณาจากรายได้ในการประเมินมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้กันทั่วไปมี 2 วิธีหลัก ได้แก่ วิธีคำนวณมูลค่าปัจจุบันของรายได้ที่เป็นกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow Method) และวิธีคิดผลตอบแทนทางตรง (Direct Capitalization Method)

หลักการพื้นฐานของวิธีรายได้
วิธีรายได้มีหลักการพื้นฐานอยู่ที่แนวคิดว่า มูลค่าของทรัพย์สินใด ๆ ขึ้นอยู่กับความสามารถในการสร้างรายได้ในอนาคต โดยพิจารณาจากรายได้สุทธิที่คาดว่าจะได้รับจากทรัพย์สินนั้นในช่วงเวลาหนึ่ง และนำมาคำนวณเป็นมูลค่าปัจจุบัน (Present Value) โดยใช้อัตราคิดลดที่เหมาะสม

ขั้นตอนการประเมินมูลค่าทรัพย์สินโดยวิธีรายได้

  1. ประมาณการรายได้สุทธิ: ขั้นตอนแรกคือการประมาณการรายได้สุทธิที่ทรัพย์สินจะสร้างขึ้นในอนาคต โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น อัตราค่าเช่า ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ภาษี และอัตราว่าง
  2. เลือกอัตราคิดลด: อัตราคิดลดคืออัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนคาดหวังจากการลงทุนในทรัพย์สินนั้น ๆ โดยพิจารณาจากความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุน
  3. คำนวณมูลค่าปัจจุบันของรายได้สุทธิ: นำรายได้สุทธิที่คาดการณ์ไว้ในแต่ละปีมาคำนวณเป็นมูลค่าปัจจุบัน โดยใช้อัตราคิดลดที่เลือกไว้
  4. รวมมูลค่าปัจจุบันของรายได้สุทธิ: รวมมูลค่าปัจจุบันของรายได้สุทธิในแต่ละปี เพื่อให้ได้มูลค่าปัจจุบันรวมของรายได้สุทธิตลอดอายุของทรัพย์สิน
  5. เพิ่มมูลค่าคงเหลือ: ในบางกรณี อาจมีมูลค่าคงเหลือของทรัพย์สินหลังจากหมดอายุการใช้งาน ซึ่งต้องนำมาเพิ่มในมูลค่าปัจจุบันรวมของรายได้สุทธิ
ข้อดีและข้อจำกัดของวิธีรายได้
วิธีรายได้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่สร้างรายได้ เช่น อาคารพาณิชย์ อพาร์ทเมนท์ โรงแรม และพื้นที่เช่า สะท้อนความคาดหวังของนักลงทุนเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตและอัตราผลตอบแทนที่ต้องการ

ข้อจำกัด:
ความแม่นยำของการประเมินมูลค่าขึ้นอยู่กับความถูกต้องของการประมาณการรายได้สุทธิและอัตราคิดลด

สรุป
การประเมินมูลค่าทรัพย์สินโดยวิธีรายได้เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการทำความเข้าใจมูลค่าที่แท้จริงของทรัพย์สินที่สร้างรายได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ประเมินควรมีความเข้าใจในหลักการและข้อจำกัดของวิธีนี้ และใช้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันในการประมาณการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและเชื่อถือได้

 

วิธีคิดลดกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow - DCF)

วิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) เป็นหนึ่งในวิธีการประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับทรัพย์สินที่สร้างรายได้

หลักการพื้นฐานของวิธี DCF
วิธี DCF ตั้งอยู่บนหลักการที่ว่า มูลค่าปัจจุบันของทรัพย์สินเท่ากับมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดสุทธิ (Net Cash Flow) ที่คาดว่าจะได้รับจากทรัพย์สินนั้นในอนาคต โดยนำกระแสเงินสดสุทธิในแต่ละปีมาคิดลด (Discount) ด้วยอัตราคิดลดที่เหมาะสม เพื่อสะท้อนถึงมูลค่าของเงินตามเวลา (Time Value of Money) และความเสี่ยงของการลงทุน

เป็นการประมาณการกระแสเงินสดรับ กระแสเงินสดจ่าย อัตราว่าง อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (Capitalization Rate) อัตราคิดลด (Discount Rate) และรายการอื่นที่เกี่ยวข้อง อัตราคิดลดที่ใช้ในกรณีของมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Value หรือ NPV) ควรจะเป็นอัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนโดยทั่วไปพึงคาดหวังจากการลงทุนในทรัพย์สินประเภทนั้นๆ โดยไม่คำนึงถึงสถานภาพทางการเงินของนักลงทุนใดนักลงทุนหนึ่ง ทั้งนี้ยังต้องแสดงการคำนวณมูลค่าสุดท้าย (Terminal Value) อย่างชัดเจน

ขั้นตอนการประเมินมูลค่าทรัพย์สินโดยวิธี DCF

  1. ประมาณการกระแสเงินสดสุทธิ: ขั้นตอนแรกคือการประมาณการกระแสเงินสดสุทธิที่คาดว่าจะได้รับจากทรัพย์สินในแต่ละปี โดยพิจารณาจากรายได้ ค่าใช้จ่าย ภาษี และเงินลงทุน
  2. กำหนดระยะเวลาประมาณการ: กำหนดระยะเวลาที่คาดว่าจะได้รับกระแสเงินสดจากทรัพย์สิน ซึ่งอาจเป็นระยะเวลาจำกัด เช่น 5 ปี หรือ 10 ปี หรืออาจเป็นระยะเวลาไม่จำกัด
  3. ประมาณการมูลค่าคงเหลือ: หากมีการประมาณการกระแสเงินสดในระยะเวลาจำกัด จำเป็นต้องประมาณการมูลค่าคงเหลือของทรัพย์สินหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาประมาณการ
  4. เลือกอัตราคิดลด: อัตราคิดลดคืออัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนคาดหวังจากการลงทุนในทรัพย์สินนั้น โดยพิจารณาจากความเสี่ยงของการลงทุน และต้นทุนของเงินทุน
  5. คำนวณมูลค่าปัจจุบัน: นำกระแสเงินสดสุทธิในแต่ละปีมาคิดลดด้วยอัตราคิดลดที่เลือกไว้ เพื่อให้ได้มูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดสุทธิในแต่ละปี
  6. รวมมูลค่าปัจจุบัน: รวมมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดสุทธิในแต่ละปี และมูลค่าปัจจุบันของมูลค่าคงเหลือ (ถ้ามี) เพื่อให้ได้มูลค่าปัจจุบันรวมของทรัพย์สิน

ข้อจำกัด:

ความแม่นยำของการประเมินมูลค่าขึ้นอยู่กับความถูกต้องของการประมาณการกระแสเงินสดสุทธิ อัตราคิดลด และมูลค่าคงเหลืออาจมีความซับซ้อนในการคำนวณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับทรัพย์สินที่มีโครงสร้างกระแสเงินสดที่ซับซ้อน

สรุป
วิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่สร้างรายได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ประเมินควรมีความเข้าใจในหลักการและข้อจำกัดของวิธีนี้ และใช้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันในการประมาณการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและเชื่อถือได้

วิธีคิดผลตอบแทนทางตรง (Direct Capitalization Method)

การประเมินมูลค่าโดยวิธีคิดผลตอบแทนทางตรง (Direct Capitalization Method) เป็นหนึ่งในวิธีการประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ วิธีนี้เป็นการแปลงรายได้สุทธิจากการดำเนินงาน (Net Operating Income - NOI) ของทรัพย์สินในช่วงเวลาหนึ่งไปเป็นมูลค่าปัจจุบัน โดยใช้อัตราผลตอบแทนที่เหมาะสม

หลักการพื้นฐานของวิธีคิดผลตอบแทนทางตรง
หลักการพื้นฐานของวิธีคิดผลตอบแทนทางตรงคือ มูลค่าของทรัพย์สินเท่ากับรายได้สุทธิจากการดำเนินงาน (NOI) หารด้วยอัตราผลตอบแทน (Capitalization Rate) ที่เหมาะสม

วิธีนี้จะพิจารณาถึงความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างอัตราผลตอบแทนรวม กับรายได้สุทธิปีหนึ่งเพียงปีเดียว สามารถใช้ได้กับทรัพย์สินที่ก่อให้เกิดรายได้จากตัวทรัพย์สินโดยไม่มีรายได้จากส่วนอื่นๆ มาเกี่ยวข้อง เช่น รายได้จากงานบริการ หรือรายได้ที่ได้มาจากการขายสินค้าอื่นๆ นอกจากนี้ สภาวะของตลาดจะต้องมีความมั่นคง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านอัตราการเติบโตของอุปสงค์ อุปทาน และอัตราค่าเช่าอย่างมีนัยสำคัญ

ขั้นตอนการประเมินมูลค่าโดยวิธีคิดผลตอบแทนทางตรง

  1. คำนวณรายได้สุทธิจากการดำเนินงาน (NOI): NOI คือรายได้รวมของทรัพย์สินหักด้วยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมด แต่ไม่รวมค่าใช้จ่ายทางการเงินและภาษีเงินได้
  2. เลือกอัตราผลตอบแทน (Capitalization Rate): อัตราผลตอบแทนคืออัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนคาดหวังจากการลงทุนในทรัพย์สินประเภทเดียวกัน โดยพิจารณาจากความเสี่ยงของทรัพย์สิน สภาพตลาด และปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
  3. คำนวณมูลค่าทรัพย์สิน: มูลค่าทรัพย์สินคำนวณได้จากการหาร NOI ด้วยอัตราผลตอบแทน

ตัวอย่าง:
สมมติว่าอสังหาริมทรัพย์มี NOI เท่ากับ 1,000,000 บาท และอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสมคือ 8% มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์จะคำนวณได้ดังนี้:

มูลค่าทรัพย์สิน = NOI / อัตราผลตอบแทน = 1,000,000 บาท / 0.08 = 12,500,000 บาท

ข้อดีของวิธีคิดผลตอบแทนทางตรง
วิธีคิดผลตอบแทนทางตรงเป็นวิธีที่ง่ายต่อการคำนวณและทำความเข้าใจเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ เหมาะสำหรับการประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่มีรายได้คงที่และคาดการณ์ได้

ข้อจำกัด:
วิธีนี้ไม่เหมาะสำหรับการประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่มีรายได้ไม่แน่นอนหรือมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงในอนาคต หากอัตราผลตอบแทนที่เลือกไม่ถูกต้อง มูลค่าที่คำนวณได้อาจไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของทรัพย์สิน

สรุป
การประเมินมูลค่าโดยวิธีคิดผลตอบแทนทางตรงเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการประเมินมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ประเมินควรมีความเข้าใจในหลักการและข้อจำกัดของวิธีนี้ และใช้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันในการประเมิน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและเชื่อถือได้

Contact

Tatchada Supakornpichan.png
Tatchada Supakornpichan

Head of Valuation & Advisory • Bangkok

ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม

Dusit Central Park.jpg
Article • Workplace

5 ตึกออฟฟิศที่มีราคาสูงที่สุดในกรุงเทพฯ

กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางธุรกิจสำคัญของเอเชีย มีความต้องการอาคารสำนักงานสูง โดยเฉพาะทำเลดี ออกแบบทันสมัย บทความนี้แนะนำ 5 ตึกออฟฟิศราคาแพง
21/10/2024
Nangyuan Island, Thailand
Article

ความแตกต่างระหว่าง "ทรัพย์อิงสิทธิ" และ "สิทธิการเช่า"

ในโลกของการลงทุนและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การใช้ประโยชน์ที่ดินให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดถือเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่า ปัจจุบันมีเครื่องมือทางกฎหมายที่น่าสนใจสองรูปแบบที่ช่วยให้เจ้าของที่ดินและนักลงทุนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างยืดหยุ่นและหลากหลายมากขึ้น นั่นคือ "ทรัพย์อิงสิทธิ" และ "สิทธิการเช่า"
03/10/2024
Bangkok cityscape
Article • Government / Public Sector

การเชื่อมโยงข้อมูลผ่านแผนที่ One Map ในประเทศไทย

One Map คือโครงการพัฒนาและบูรณาการข้อมูลเชิงพื้นที่ของประเทศไทย โดยมุ่งหวังให้เป็นแหล่งข้อมูลดิจิทัลกลางที่มีมาตรฐานเดียวกัน ครอบคลุมทุกพื้นที่ และสามารถเข้าถึงได้ง่ายผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน One Map
Tatchada Supakornpichan • 10/09/2024

หาสิ่งนั้นไม่เจอ?

ติดต่อกับหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญของเรา
With your permission we and our partners would like to use cookies in order to access and record information and process personal data, such as unique identifiers and standard information sent by a device to ensure our website performs as expected, to develop and improve our products, and for advertising and insight purposes.

Alternatively click on More Options and select your preferences before providing or refusing consent. Some processing of your personal data may not require your consent, but you have a right to object to such processing.

You can change your preferences at any time by returning to this site or clicking on Privacy & Cookies.
MORE OPTIONS
AGREE AND CLOSE
These cookies ensure that our website performs as expected,for example website traffic load is balanced across our servers to prevent our website from crashing during particularly high usage.
These cookies allow our website to remember choices you make (such as your user name, language or the region you are in) and provide enhanced features. These cookies do not gather any information about you that could be used for advertising or remember where you have been on the internet.
These cookies allow us to work with our marketing partners to understand which ads or links you have clicked on before arriving on our website or to help us make our advertising more relevant to you.
Agree All
Reject All
SAVE SETTINGS